เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๒๕ เม.ย. ๒๕๕๘

 

เทศน์เช้า วันที่ ๒๕ เมษายน ๒๕๕๘
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

วันนี้วันพระนะ วันพระเราแสวงหา เราทำบุญกุศลของเราเพราะเรามีคุณค่า เรามีคุณค่าในตัวเราเอง เราถึงมีการกระทำ คนที่เขาไม่เห็นคุณค่าของเขา เขาอยู่ของเขานะ อยู่ในรู คนอยู่ในรู สัตว์มันจำศีล เวลาสัตว์มันจำศีล มันอยู่ในรูของมันนะ มันจำศีล ถึงเวลามันหากินมันจะออกมา

นี่ก็เหมือนกัน ถ้าเราไม่เห็นคุณค่าสิ่งใด เราก็จะไม่ทำสิ่งใดเลย แล้วเราก็คิดกันไปเองว่าสิ่งนั้นเราเป็นคนมีบุญ คนบอกว่าเขามีความดีอยู่แล้วทำไมต้องไปวัดไปวา ไปทำไม

เกิดมาทำไม คนเราเกิดมาทำไม เวียนว่ายตายเกิด เกิดมาทำไม เขาเกิดมาให้ทำคุณงามความดีนะ ดูพระโพธิสัตว์สิ เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นพระโพธิสัตว์ เป็นสัตว์ก็เป็นหัวหน้าสัตว์ เกิดมาเป็นสิ่งมีชีวิตจะทำคุณงามความดีตลอดเพื่ออะไร? เพื่อปรารถนาโพธิญาณ ปรารถนาโพธิญาณคือปรารถนาการพ้นทุกข์ไง ถ้าไม่ปรารถนาการพ้นทุกข์ มันก็จะเวียนว่ายตายเกิดอยู่อย่างนี้

ถ้ามันเวียนว่ายตายเกิดอยู่อย่างนี้ ดูสิ ภพชาติใดเราไปทำผิดพลาดขึ้นมา ดูสิ ตอนนี้เด็ก เห็นข่าวแล้วเศร้า มันขอเงินพ่อมันไปซื้อยาเสพติดจนพ่อไม่มีเงิน มันบังคับพ่อให้นั่งท้ายรถมันไปเพื่อจะไปหาเงิน คือมันขี่รถเครื่องนะ มันบังคับให้พ่อมันทำไง พ่อมันทนไม่ไหว พ่อมันถึงเอามีดฟันนะ ฟันฆ่าลูกเลย แล้วยืนมอบตัวเลย

นี่ไง เราจะบอกว่าเวียนว่ายตายเกิด เวียนว่ายตายเกิดมา เวลาทำคือว่าทำความดีๆ มันทำอะไรน่ะ เวลามันเสพยาเข้าไปแล้วมันสิ้นคิดไง ทำร้ายพ่อแม่ ทำลายจิตใจจนพ่อแม่ทนไม่ไหว พ่อแม่ฆ่าลูกนะ เวลาฆ่ามันสังเวชไหม เรามีสติมีปัญญาฆ่าลูกตัวเองเลยล่ะ ฆ่าเสร็จแล้วยืนรอมอบตัว

เขาถามว่าทำเพราะอะไร

มันทำร้ายมาตลอด มันมาขอเงินไปซื้อยาเสพติดตลอดจนไม่มีให้มัน มันก็บังคับ บังคับให้นั่งท้ายรถมอเตอร์ไซด์เพื่อไปหาเงินให้มันไปซื้อยาเสพติด

เราบอกนี่ก็เวียนว่ายตายเกิดไง เวียนว่ายตายเกิดมันก็เกิดมาแล้วก็มีความสุขไง เกิดมาแล้วเราก็มีความสุข เราไม่ต้องทำ เราไม่ต้องแสวงหาสิ่งใดไง ที่เขาเกิดมาๆ เขาเกิดมาเพื่อแสวงหาไง เราว่าเราก็แสวงหาแล้วทางวิทยาศาสตร์ไง ชีวิตนี้มาจากไหน? ก็มาจากพ่อแม่ พ่อแม่ก็ต้องเลี้ยงดูลูก ลูกเกิดมาแล้วเราก็ต้องหาอยู่หากิน หาอยู่หากิน เราก็มีความสุขของเรา เห็นไหม

มนุษย์ต่างจากสัตว์เพราะมนุษย์มีศีลมีธรรม ถ้ามนุษย์ไม่มีศีลไม่มีธรรมมนุษย์ก็เหมือนสัตว์ เหมือนสัตว์ สัตว์มันก็สืบพันธุ์เหมือนกัน สัตว์มันก็มีครอบครัวของมันเหมือนกัน แล้วมันก็เวียนว่ายตายเกิดเหมือนกัน แล้วเวลาไปดูถูกสัตว์ๆ

เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ให้ดูถูกใครทั้งสิ้น แม้แต่สัตว์ สัตว์เป็นพระโพธิสัตว์มาเกิดภพใดชาติใดก็ได้เพราะเกิดเป็นสัตว์ สัตว์สัตว์ที่มันดี สัตว์มันมีหัวใจ สัตว์ที่มันทำคุณงามความดี ดูสิ พระโพธิสัตว์เป็นหัวหน้าฝูง พยายามพาฝูงนั้นให้อยู่ร่มเย็นเป็นสุข สิ่งมีชีวิตทุกชีวิตรักชีวิตของตัว สิ่งมีชีวิตทุกชีวิตรักชีวิตของตัว สงวนรักษาชีวิตของตัว ภพชาติใดเกิดมาแล้วเขาก็รักษาชีวิตของเขา นี่เขาเกิดมา เห็นไหม

นี่พูดถึงว่ามนุษย์ต่างจากสัตว์ๆ เวลาว่ามนุษย์เป็นผู้ประเสริฐ มนุษย์ประเสริฐแล้ว ประเสริฐตรงไหนล่ะมนุษย์ประเสริฐ ความประเสริฐวัดกันที่ไหน เขาบอกว่าวัดกันที่หัวใจไง วัดกันที่คุณงามความดีนั้นไง เพราะคุณงามความดีมันสุจริตชนไง ถ้ามีความสุจริตอันนั้น ความคิดความริเริ่มในหัวใจมันทำสิ่งเลวร้ายไม่ได้ เวลาทำสิ่งเลวร้าย เรากำลังเบียดเบียนตนนะ เรากำลังเบียดเบียนหัวใจเราแล้วนะ ถ้าเราเบียดเบียนหัวใจ เบียดเบียนตนแล้วเบียดเบียนผู้อื่นนะ เพราะเราคิดแล้วมันทำลายหัวใจ ดูสิ เวลาคิดสิ่งที่ไม่ดีเลือดสูบฉีดแรงเลย ถ้าเลือดสูบฉีดแรง เราเบียดเบียนตนแล้วนะ เบียดเบียนตนแล้วเบียดเบียนผู้อื่นแล้วนะ ถ้าไปทำลาย แต่เวลากิเลสมันครอบงำมันว่าสิ่งนั้นเป็นประโยชน์กับมันๆ

เราเกิดมา นี่วันพระ เราเกิดมาเราเสียสละ คำว่า “เสียสละ” เรามีกำลังของเรา มีกำลังของเรา เราเสียสละ เราถวายปัจจัยเครื่องอาศัย ถวายบิณฑบาต ถวายจังหัน เพื่ออะไรล่ะ? เพื่อการดำรงชีวิต ชีวิตมันมีค่า ชีวิตนี้มันต้องใช้ปัจจัย ๔ อาศัยปัจจัย ๔ ดำรงชีวิต เราทำได้ เราระลึกถึง เจตนามันคิดของมัน เวลาคิดของมัน ใจมันเป็นบุญกุศล ใจเป็นบุญกุศลเพราะอะไร เพราะเราเสียสละ เห็นไหม ชีวิตของเรา ชีวิตเราได้มาเพราะอะไร ได้มาเพราะเวรเพราะกรรมไง เพราะทำดีไง มนุษย์สมบัติไง เพราะมีศีล ๕ ถึงได้มาเกิดในไข่ ในครรภ์ ในน้ำครำ ในโอปปาติกะไง ถ้ามันมีคุณประโยชน์อย่างนี้ขึ้นมา เพราะมันจะกำเนิดอีก มันจะเกิดอีก

“มารเอย เธอเกิดจากความดำริของเรา เราจะไม่ดำริถึงเจ้า เจ้าจะเกิดบนหัวใจเราไม่ได้อีกเลย”

แล้วนี่ใครดำริล่ะ เจตนานี้ใครดำริ เจตนานี้ใครเป็นคนคิด ถ้าเจตนามันคิด มันฝัง พันธุกรรมของมันจะได้ตัดแต่งของมันไง พันธุกรรมของใจนี้ตัดแต่งให้มันเข้มแข็ง ตัดแต่งให้มันดีงามขึ้นมาไง ถ้ามันตัดแต่งดีงามขึ้นมา มาวัดมาวาขึ้นมา ถ้าคนมาวัดมาวาก็มาฟังเทศน์ ไอ้คนที่ไม่มีความพอใจเลยก็ทำตามหน้าที่ ทำเสร็จๆ แล้วก็รีบๆ ไป แต่คนไปวัดไปวาเขาจะรอฟังเทศน์ ฟังเทศน์ฟังเทศน์เรื่องอะไร? ฟังเทศน์ก็เรื่องของเรานั่นแหละ เรื่องชีวิตนั่นแหละ เรื่องจิตเรานั่นแหละ จิตที่เวียนว่ายตายเกิด จิตของเราแท้ๆ เลย ความรู้สึกเราแท้ๆ เลย ทำไมเราไม่รู้จักมันล่ะ ความรู้สึกเราแท้ๆ ที่มันเวียนว่ายตายเกิด ทำไมต้องให้พระบอกล่ะ แล้วพระบอกพระเอาอะไรมาบอก นี่สิ่งนี้มันมีคุณค่า

สิ่งที่ปัจจัยเครื่องอาศัยมีคุณค่าไหม? มี มีคุณค่าเพื่อดำรงชีวิตไง แต่บุญกุศลที่หัวใจที่มันปรารถนา เวลาความทุกข์มันเบียดเบียนในหัวใจ เรายังอยากโยนทิ้งเลย ความคิดไม่ดี ความคิดใฝ่ต่ำโยนมันทิ้งๆ แต่มันโยนไม่ได้ ความคิดสิ่งใดที่ดีๆ ในหัวใจขึ้นมาควรจะถนอมรักษาไว้ มันก็คิดไม่ได้ ทำไมไม่สลัดมันทิ้งล่ะ ถ้าเราเป็นคนมีบุญ เราเป็นคนดี สลัดมันทิ้งสิ

หน้าชื่นอกตรมนะ เวลาหน้าชื่นตาบานเลย แต่หัวใจมันเผาไหม้ อะไรมันเผาล่ะ เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกนะ มนุษย์เกิดมาถือดุ้นไฟมาคนละดุ้น แล้วทุกคนก็บ่นว่าร้อน ร้อน ร้อน ก็ต้องถือดุ้นไฟนั้นไป นี่ไง ที่ว่าทำไมไม่โยนทิ้งมันล่ะ ไอ้ความคิดไม่ดี ไอ้ความคิดไม่ดีไม่โยนทิ้งมันไป เวลาถือดุ้นไฟมา ดุ้นไฟมันมีแสงสว่างใช่ไหม ความคิดที่ดีๆ ก็เป็นประโยชน์กับหัวใจใช่ไหม ความคิดที่ไม่ดีมันก็ทำลายหัวใจเราใช่ไหม ทำไมไม่โยนมันทิ้งไป

คราวนั้นมีบุรุษผู้ที่ฉลาดได้โยนดุ้นไฟนั้นทิ้งแล้ว แล้วก็ตะโกนบอกพวกเราว่าให้ทิ้งดุ้นไฟนั้น ให้ทิ้งดุ้นไฟนั้นไง นี่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้เราเสียสละ เราฝึกหัดของเรา แล้วให้เราเห็นตัวตนของเรา เห็นตัวตนเรา เห็นมือของเรา แล้วมือคลายมันออกเสีย ดุ้นไฟมันจะได้หลุดออกไป

ไอ้นี่เวลาไปคิด ดูสิ ถ้ามีแสงที่ไหนก็มีเงาที่นั่น เราไปคิดกันที่นั่นไง โดยธรรมชาติคนเกิดมามีธาตุ ๔ และขันธ์ ๕ คนเราเกิดมามีความคิดไง ธาตุ ๔ ก็ร่างกาย ขันธ์ ๕ คือความรู้สึกนึกคิดนี้ ความรู้สึกนึกคิดนี้ คนเราเกิดมามีธาตุ ๔ ขันธ์ ๕ แล้วมันก็ทำงานของมันโดยธรรมชาติของมัน เราก็ว่านี่ความคิดเราๆ เขาว่าความคิดเป็นเรา สรรพสิ่งเป็นเรา

ถ้ามันเป็นเรา ทำไมไม่คิดเรื่องดีๆ ล่ะ ถ้ามันเป็นเรา ทำไมเราไม่คิดแต่เรื่องดีๆ ล่ะ ทำไมเราไม่นั่งสมาธิภาวนาให้จิตมันสงบระงับเข้ามาล่ะ แล้วถ้าจิตสงบระงับเข้ามาแล้ว ถ้ามันเป็นสัมมาสมาธิแล้วยกขึ้นวิปัสสนาให้เกิดภาวนามยปัญญา ปัญญาที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอาสวักขยญาณ ญาณที่ชำระล้างกิเลสขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็สอนไว้ในพระไตรปิฎก สอนไว้มากมายมหาศาลเลย เราก็มีการศึกษา เราก็ศึกษาค้นคว้าได้ ถ้าเราค้นคว้าได้ ทำไมเราไม่ทำอย่างนั้นน่ะ เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกว่าวิมุตติสุขๆ เพราะเราสงสัยกันมากเลยว่าวิมุตติสุขมันต่างอะไรกับสุขเวทนา

เวลาสุขเวทนา-ทุกขเวทนานี่รับรู้ได้ เวลามีความสุข ความสุขของเรานี่สุขเวทนา เวทนาเกิดจากอะไร? เวทนาเกิดจากขันธ์ ๕ ขันธ์ ๕ ขันธ์ ๕ ขันธ์ ๕ เกิดมามีธาตุ ๔ และขันธ์ ๕

ขันธ์ ๕ คือความคิดไง ถ้ามันคิดดี มันสมความปรารถนา ความคิดที่กิเลสมันหลอกแล้วก็เชื่อมันไป มันก็เป็นความสุขของมันไง นี่สุขเวทนาไง แล้วเดี๋ยวมันผิดพลาดขึ้นมามันก็ทุกขเวทนาไง สุขเวทนา-ทุกขเวทนามันทุกข์ที่เวทนาไง เวทนา คนเราเกิดมามีธาตุ ๔ และขันธ์ ๕ แล้วธาตุ ๔ ขันธ์ ๕ มันเกิดจากอะไร? มันเกิดจากจิต แล้วจิตมันอยู่ไหนล่ะ

นี่ไง มาฟังธรรมๆ มาฟังธรรมที่นี่ไง เราขวนขวาย...ใช่ เราอาบน้ำเหงื่อต่างน้ำนะ เวลาทำหน้าที่การงานเหนื่อยมากๆ ทุกคนอยากพักผ่อน อยากจะร่มเย็นเป็นสุข นี่ก็เหมือนกัน หัวใจ หัวใจเวลามันทำความสงบของใจเข้ามา แล้วถ้าจิตมันสงบแล้วยกขึ้นวิปัสสนา เห็นไหม ศาสนาไหนไม่มีมรรค ศาสนานั้นไม่มีผล คนจะดีจะเลวเขาดูที่ผลงาน ใครทำงาน หน้าที่การงานของเขา เขาทำแล้วประสบความสำเร็จของเขา นั่นคือความน่าชื่นชมของเขา เพราะเขามีความละเอียด มีสติมีปัญญาของเขา เขารักษาของเขา เขาทำของเขาเพื่อประสบความสำเร็จของเขา ถ้าคนทำแล้วสิ่งใดทิ้งไว้เรี่ยราด ทิ้งไว้ไม่รับผิดชอบ ทำสิ่งใดแล้วเขาก็จากไป ไอ้พวกเราเดินจากมา ดูสิ ไอ้คนไม่รับผิดชอบมันทิ้งขยะไว้ทั่วไปหมดที่แหล่งท่องเที่ยว ฝรั่งมันมาจากไหนไม่รู้มันมาเก็บ โอ้โฮ! มันมาเก็บ ไอ้คนไปเที่ยวสนุกครึกครื้น กลับไปบ้านไปเปิดคลิปวีดีโอดู หนาวเลยล่ะ ตัวเองไปทิ้งไว้ แล้วให้ฝรั่งมาจากไหนมันมาเก็บ

นี่ก็เหมือนกัน ศาสนาไหนไม่มีมรรค ศาสนานั้นไม่มีผล เอ็งทำเพื่ออะไร เอ็งรักษาหัวใจเอ็งเป็นหรือ หัวใจมึงอยู่ไหน เวลาบอกว่าฉันเป็นคนดีๆ...ดีตรงไหน มีอะไรดี คนเกิดมาธาตุ ๔ และขันธ์ ๕ เหมือนกัน คนเราเกิดมาเป็นญาติกันโดยธรรม มีปากและท้องเหมือนกัน เวลากินสิ่งใดเข้าไปก็ขับถ่ายเหมือนกัน นี่มันเรื่องของธาตุขันธ์ ธาตุขันธ์มันเป็นแบบนี้ มันมีของมันอย่างนี้ แล้วใจล่ะมันดีตรงไหน

เวลามันดีขึ้นมานะ ถ้าจิตใจมันดีงาม ดูสิ ในบรรดาสัตว์ ๒ เท้า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประเสริฐที่สุด มนุษย์คนหนึ่ง เจ้าชายสิทธัตถะแสวงหาค้นคว้าสัจธรรมในใจของเจ้าชายสิทธัตถะ มนุษย์คนหนึ่งเวลาชำระล้างอาสวักขยญาณ เป็นอาจารย์สอน ๓ โลกธาตุ ตั้งแต่เทวดา อินทร์ พรหมถึงมนุษย์

เวลานรกอเวจีสอนเขาไม่ได้ แต่พระโมคคัลลานะไปโปรดสัตว์ ไปโปรดเขา ไปดูแลเขา แต่บอกเขาไม่ได้ คนเรามันทุกข์ยาก ทุกข์มาก อยู่ในพระไตรปิฎกนะ มีสองคนตายาย องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบิณฑบาตไปแล้วยิ้ม พระอานนท์ถามเลยยิ้มทำไม เพราะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายิ้มแล้วมันจะบอกว่ามันมีเหตุแล้ว

พอตกเย็นพระอานนท์ก็จะถามว่าเมื่อตอนเช้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบิณฑบาตไปแล้วยิ้มออกมาเพราะเหตุใด แย้มพระสรวลๆ

อานนท์ เธอเห็นสองคนตายายไหม นั่นน่ะเศรษฐีนะ สองคนตายายที่เป็นขอทานอยู่ข้างทาง แต่เดิมเขาเป็นเศรษฐี ถ้าเขาเป็นเศรษฐี แล้วเขามีวาสนาด้วย แต่เพราะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพุทธกิจ ๕ มันไม่มีเวลามากไง ไปเอาคนอื่นก่อนไง เพราะเขายังมีชีวิตยืนยาว สุดท้ายแล้วเขาเล่นการพนันขันต่อจนเขาหมดเนื้อหมดตัวกลายเป็นยาจก กลายเป็นขอทานเพื่อเลี้ยงชีวิตไง

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกว่าถ้าตอนนั้น ถ้าตอนที่เขายังเจริญรุ่งเรืองอยู่ ถ้าเขาพบองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเทศน์อริยสัจ ถ้าเขาได้ฟังธรรมนะ อย่างน้อยเขาจะได้เป็นพระโสดาบันถึงสิ้นกิเลสไป แต่ในปัจจุบันนี้องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเดินผ่านไปเลย แล้วยิ้ม แย้มพระสรวล แย้มพระสรวล ก็เจอองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเหมือนกัน แต่เพราะจิตใจของเขาขณะที่เป็นเศรษฐี จิตใจมันนุ่มนวล จิตใจมันเบิกบาน พอทำสิ่งใดมันมีสติยั้งคิด มันคิดพิจารณาแยกแยะเข้าไปมันจะเกิดภาวนามยปัญญา มันจะเกิดภาวนา

ดูสิ เวลาพระอัญญาโกณฑัญญะฟังธัมมจักฯ ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระอัญญาโกณฑัญญะมีดวงตาเห็นธรรม ถ้าคนจะมีดวงตาเห็นธรรม จิตถ้าเป็นสมาชิกแล้วจิตมันเบิกบาน จิตมันแจ่มใส พอฟังสิ่งใดขึ้นมามันก็เป็นประโยชน์ไง แต่ในปัจจุบันนี้เขาเป็นคนทุกข์คนเข็ญใจ คำว่า “คนทุกข์คนเข็ญใจ” เราเป็นเศรษฐีนะ เราเป็นเศรษฐี คนนับหน้าถือตาทั้งหมู่บ้านเลย คนนับหน้าถือตาทั้งอำเภอ ทั้งตำบลเลย แล้วเราหมดเนื้อหมดตัว แล้วเรามาเป็นขอทานอยู่นี่ เราจะเกิดความอับอายไหม มันจะเกิดความเศร้าหมองในหัวใจไหม เวลาเจอองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เขาไม่ได้อะไรเลย

นี่ไง บอกว่าเราทำอะไรๆ เราทำหน้าที่การงานเราก็ทำ เราอาบเหงื่อต่างน้ำก็ทำเพื่อปัจจัยเครื่องอาศัย แต่หัวใจของเรามันได้รักษามันไหม หัวใจของเราได้ทำความสงบของใจเราบ้างไหม หัวใจสงบแล้วเรารู้จักฝึกหัดใช้ปัญญาไหม ถ้าเรารู้จักฝึกหัดใช้ปัญญา รู้จักฝึกหัดใช้ปัญญา ปัญญาอะไร ก็ศึกษามาจนได้ดอกเตอร์แล้ว ศาสตราจารย์ จะเอาปัญญาอะไร เรียนจบหมดแล้วโลกนี้

เรียนจบนั้น เวลาจะได้ใบประกาศนียบัตร ถ้าเป็นดอกเตอร์ เขาต้องมีคณะกรรมการตรวจสอบวิทยานิพนธ์ เป็นมนุษย์ทำทั้งนั้นแหละ เป็นการเยินยอยกย่องสรรเสริญกันเอง แต่ถ้าเป็นภาวนามยปัญญา มันปัญญาชำระกิเลส บุรุษอาชาไนย ถ้าบุรุษอาชาไนยเวลาเขาเกิดปัญญาขึ้นมา เกิดมรรคเกิดผลขึ้นมาในหัวใจ เวลามันเกิดศีล สมาธิ ปัญญา เวลาเป็นสมาธิเป็นสมาธิอย่างไร เวลายกขึ้นสู่วิปัสสนา เวลามันเห็นของมัน ภาวนามยปัญญา ความแตกต่างเพราะอะไร เพราะว่าเราศึกษามาแล้ว เราเป็นดอกเตอร์ เราเป็นศาสตราจารย์เราทำมาทุกอย่าง เรารู้หมด แต่เวลาเกิดภาวนามยปัญญามันแปลกใจ มันมหัศจรรย์ มันตื่นเต้น เอ๊ะๆๆ ส่วนใหญ่คนที่ภาวนาไปแล้วจะเอ๊อะ! หลวงตาใช้คำว่าถึงหนองอ้อ หลวงปู่มั่นไปถึงหนองอ้อที่เชียงใหม่ อ๋อ! เป็นพระอรหันต์เลย เห็นไหม เราทำอะไร

ศาสนาไหนไม่มีมรรค ศาสนานั้นไม่มีผล จิตใจของเราไม่มีการกระทำ ทำงานภายในมันมองกันไม่ได้ ทางโลกเขาว่ารู้หน้าไม่รู้ใจ แต่วงกรรมฐาน ครูบาอาจารย์เราท่านภาวนามาแล้ว ใจของท่าน ท่านทำของท่านแล้ว ทำไมท่านไม่รู้ใจของคนอื่น ถ้าใจของท่านทำแล้ว จากใจดวงหนึ่งสู่ใจดวงหนึ่งไง

แต่ถ้าจิตใจที่ยังไม่ได้ทำ ดูสิ ตอนนี้ศาสนา เขาบอกว่า “พระพุทธศาสนา ใครทำบุญศาสนาพุทธแล้วจะร่ำรวย เศรษฐีโลกไม่เห็นเป็นชาวพุทธเลย เศรษฐีโลกเป็นศาสนาอื่นหมดเลย แล้วว่าร่ำรวยๆ”...แต่ต่อไปจะมี จะร่ำรวย

นี่ก็เหมือนกัน นี่ไง “ชาวพุทธ แล้วศาสนาจะเจริญรุ่งเรือง” เห็นไหม ดูข่าวตอนนี้มันน่าเศร้า เป็นไสยศาสตร์ไปหมดเลย เห็นแก่วัตถุ เห็นแก่เงินแก่ทอง เห็นแก่ชื่อเสียง เห็นแก่ทุกๆ อย่าง โลกธรรม ๘ ธรรมะเก่าแก่ มีลาภเสื่อมลาภ มียศเสื่อมยศนั่นน่ะ ลาภสักการะมันของเก่าแก่ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ตรัสรู้มาก็มีของมันอยู่แล้ว แล้วองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทำตรงนั้นที่ไหนล่ะ เวลาทำขึ้นมา ทำสัจธรรมในหัวใจนี้ต่างหากล่ะ

มาวัดๆ มาที่นี่ มาวัดคือมาวัดหัวใจของเราไง เอาหัวใจของเรามา แล้วฟังเทศน์แล้วเอามาเทียบเคียง เอามาเทียบเคียงหัวใจเราว่ามันมีคุณภาพแค่ไหน ธรรมะนั้นเอามาเทียบเคียงกับหัวใจของเรา หัวใจเรามีคุณภาพแค่ไหน นั่นแหละมันจะส่งเสริมที่นี่ แล้วถ้าคุณภาพมันไม่มี คุณภาพมันขึ้นมาไม่ได้ ทำไมครูบาอาจารย์ท่านเดินจงกรม นั่งสมาธิได้ ตรวจสอบมัน

เวลาเขาทำอาหาร เขาเคี่ยวมัน เขาเคี่ยวก็เพื่อให้มันเข้าเนื้อไง นี่ก็เหมือนกัน เราจะเคี่ยวเข็ญหัวใจของเราไง เราเข้าทางจงกรม เข้าสมาธิ เราจะเคี่ยวเข็ญมัน เราจะดูแลมัน หัวใจของเราแท้ๆ ของของเราแท้ๆ เราจะดูแลเอง เราจะรักษาเอง เราจะทำขึ้นมาเอง แล้วปฏิบัติขึ้นมาเองให้เป็นสัจธรรมขึ้นมา ให้เป็นสมบัติของเรานะ วันนี้วันพระ มันจะประเสริฐ ประเสริฐตรงนี้ไง

ถ้าเราทำแล้วนะ ไม่ต้องบอก องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่สอนพระอรหันต์ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนปุถุชน สอนไอ้คนหนา ไอ้คนคร่ำครึ พวกเรานี่ พระอรหันต์ไม่ต้องสอน เพราะมันจบแล้ว เราทำใจเราขึ้นมา เอาสัจจะขึ้นมา เอาความจริงขึ้นมาในหัวใจของเรา ให้เป็นประโยชน์กับเรา เอวัง